ปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงินสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และเมื่อถึงคราวจำเป็น รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดก็อาจเป็นทรัพย์สินเดียวที่เหลืออยู่ให้ใช้เป็นหลักประกัน คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ “รถยนต์ที่ยังติดไฟแนนซ์อยู่ สามารถนำไปจำนำได้หรือไม่?” คำตอบคือ “ทำได้” แต่ไม่ใช่ในรูปแบบของการจำนำโดยตรง แต่จะอยู่ในรูปแบบของ “การรีไฟแนนซ์ (Refinance)” หรือ “การขอสินเชื่อแบบมีเงื่อนไขพิเศษ” ที่สถาบันการเงินจะเข้ามาช่วยปิดยอดหนี้เก่าและให้เงินส่วนต่างเพิ่มเติมแก่คุณ บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนและข้อจำกัดที่คุณควรรู้ เพื่อให้คุณสามารถใช้รถยนต์ที่ติดไฟแนนซ์อยู่ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างปลอดภัยและถูกกฎหมาย
หลักการทำงานของ สินเชื่อจำนำรถติดไฟแนนซ์
โดยหลักการแล้ว การจำนำรถยนต์ที่ติดไฟแนนซ์ไม่สามารถทำได้โดยตรง เนื่องจาก กรรมสิทธิ์ ของรถยังคงเป็นของสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์เดิม) จนกว่าคุณจะผ่อนชำระครบถ้วน
ดังนั้น ทางออกที่ถูกกฎหมายและเป็นที่ยอมรับในตลาดสินเชื่อ คือ
- การรีไฟแนนซ์ (Refinance) คือการขอสินเชื่อก้อนใหม่จากสถาบันการเงินแห่งใหม่ (หรือแห่งเดิม) เพื่อนำไป “ปิดยอดหนี้” ของไฟแนนซ์เก่าทั้งหมด
- รับเงินส่วนต่าง (Cash Back) เมื่อยอดหนี้เดิมถูกปิดลง และมีการโอนกรรมสิทธิ์เล่มทะเบียนมาเป็นของคุณ บริษัทสินเชื่อใหม่จะประเมินมูลค่ารถยนต์ และมอบเงินส่วนต่างที่เหลือจากการปิดยอดหนี้เก่าให้แก่คุณเพื่อนำไปใช้จ่าย
ขั้นตอนการขอสินเชื่อสำหรับรถติดไฟแนนซ์
กระบวนการนี้มีความซับซ้อนกว่าการจำนำทะเบียนรถทั่วไปเล็กน้อย แต่ก็ทำได้รวดเร็วหากเตรียมเอกสารพร้อม
1. การตรวจสอบสถานะและประเมินราคารถ
- ตรวจสอบยอดหนี้คงเหลือ คุณต้องติดต่อไฟแนนซ์เดิมเพื่อขอ “ยอดปิดบัญชี” ที่เป็นปัจจุบัน เพื่อให้ทราบว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการปิดภาระหนี้
- ประเมินมูลค่ารถ บริษัทสินเชื่อใหม่จะเข้ามาประเมินสภาพรถยนต์ และตรวจสอบรุ่น/ปี/เลขไมล์ เพื่อกำหนด วงเงินอนุมัติ ทั้งหมด
2. การยื่นเอกสารและพิจารณาอนุมัติ
คุณต้องเตรียมเอกสารทั้งส่วนบุคคลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ให้ครบถ้วน (เช่น บัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน, เอกสารรายได้, และรายละเอียดสัญญาไฟแนนซ์เดิม)
3. การอนุมัติและการปิดบัญชีเก่า
- เมื่อสินเชื่อใหม่ได้รับการอนุมัติ บริษัทสินเชื่อใหม่จะดำเนินการโอนเงินไป “ปิดยอดหนี้” ให้กับไฟแนนซ์เก่าของคุณโดยตรง
- รับเล่มทะเบียน เมื่อไฟแนนซ์เก่าได้รับเงินชำระครบถ้วน จะมีการส่งมอบ เล่มทะเบียนรถยนต์ (กรรมสิทธิ์) คืนให้กับคุณ
- โอนกรรมสิทธิ์ใหม่ บริษัทสินเชื่อใหม่จะดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ในเล่มทะเบียนให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสินเชื่อใหม่
4. การรับเงินส่วนต่าง
หลังจากขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์เสร็จสิ้น คุณจะได้รับ เงินสดส่วนต่าง ที่เหลือจากการหักลบยอดหนี้เก่าออกจากวงเงินอนุมัติทั้งหมด โดยวงเงินส่วนนี้คือสภาพคล่องที่คุณสามารถนำไปใช้จ่ายได้
ข้อจำกัดและข้อควรพิจารณาก่อนรีไฟแนนซ์
การใช้สินเชื่อจำนำรถยนต์ที่ติดไฟแนนซ์มีข้อดีคือได้เงินก้อนใหญ่ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจ
1. ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น
- ยืดระยะเวลาผ่อน การรีไฟแนนซ์มักทำให้ ระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้รวมยืดออกไป ซึ่งหมายถึงภาระดอกเบี้ยโดยรวมที่คุณต้องจ่ายอาจเพิ่มขึ้น
- ดอกเบี้ยใหม่ อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อใหม่ (รีไฟแนนซ์) อาจสูงหรือต่ำกว่าดอกเบี้ยเดิม ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ และต้องคำนวณให้ดีว่าคุ้มค่าหรือไม่
2. ค่าปรับในการปิดบัญชีก่อนกำหนด
- ไฟแนนซ์เดิมบางแห่งอาจมี ค่าปรับ หรือ ค่าธรรมเนียม สำหรับการปิดบัญชีก่อนกำหนด (Prepayment Penalty) คุณควรสอบถามรายละเอียดนี้ให้ชัดเจน
3. คุณสมบัติของรถยนต์
- รถต้องมีมูลค่าเหลือพอ รถยนต์ที่จะรีไฟแนนซ์ได้ ควรมี มูลค่าประเมินสูงกว่ายอดหนี้คงเหลือ มากพอสมควร เพื่อให้มีเงินส่วนต่างเหลือให้คุณนำไปใช้จ่าย
- อายุรถ บริษัทสินเชื่อส่วนใหญ่อาจจำกัด อายุของรถยนต์ ที่รับรีไฟแนนซ์ มักจะอยู่ที่ประมาณ 7–15 ปี นับจากวันจดทะเบียน
คำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังมีปัญหาด้านการเงิน
การตัดสินใจรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ติดไฟแนนซ์ถือเป็นทางเลือกที่ควรพิจารณาเมื่อต้องการสภาพคล่องอย่างเร่งด่วน สิ่งที่คุณควรทำคือ
- เปรียบเทียบหลายแห่ง อย่าเลือกบริษัทแรกที่เสนอให้ ลองเปรียบเทียบวงเงิน, อัตราดอกเบี้ย, และค่าธรรมเนียมของสถาบันการเงินหลายแห่ง
- ถามเรื่องค่าใช้จ่ายแฝง สอบถามให้ชัดเจนถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ค่าอากรแสตมป์, ค่าประเมิน, และค่าโอนเล่มทะเบียน
- มั่นใจในการชำระหนี้ใหม่ คำนวณความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ใหม่ให้แน่ใจว่าคุณจะสามารถจ่ายค่างวดได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกยึดรถในที่สุด
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ติดไฟแนนซ์เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ หากคุณเข้าใจหลักการทำงานและพิจารณาข้อจำกัดอย่างถี่ถ้วน การกระทำที่ถูกต้องตามขั้นตอนจะช่วยให้คุณได้รับสภาพคล่องมาช่วยแก้ปัญหาได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุดครับ
